บางปูในวันฝนพรำ มีเวลาวันเดียวก็ยังพากันเที่ยวได้อีกนะ บุกสมุทรปราการกันเลย
ขอต้อนรับท่านผู้อ่านเข้าสู่ K-NABEE VLOGGER นะคะ ขอบคุณที่คลิกเข้ามา ไหน ๆ ก็เข้ามาแล้วไม่อ่านก็ดูภาพให้จบก็ได้นะคะ มีเรื่องราวการเที่ยวแบบวันเดียวจบมาฝากค่ะ
"บางปู ในวันฝนพรำ"
เรียกเสียเป็นเหมือนนิยายน้ำเน่าเลย แต่จะทำไงได้ในเมื่อมันเป็นวันฝนพรำจริง ๆก็หวังว่ามีเป็นบทความทำให้คุณอยากจะนอนอยู่บ้านมากกว่าออกไปเที่ยวตากฝนเหมือนเรานะคะ
แต่ถ้ากายพร้อม ใจสั่งก็มาตากฝนด้วยกันค่ะ ป่ะลุย!!
จากเดิมมนุษย์แฟนของผู้เขียนอยากจะไปนั่งโง่ ๆ อยู่ที่ทะเล
ก็ไม่เข้าใจอ่ะนะ ถ้าจะนั่งโง่ ๆ อยู่บ้านก็นั่งได้นะ (แค่คิดค่ะไม่ได้พูด 55+)
ตอนแรกจะไปชลบุรี อ้าว! ทะเลแสนแสบกับหน้าฝน
หลายคนคงคิดออกว่ามันจะเป็นแบบไหน
หรือจะไปหัวหินดี เสนอไป เสนอมา
ก็จบที่ทะเล "บางปู" สมุทรปราการ ใกล้บ้านสุด ๆ
แต่ก่อนจะไปบางปูเราไปเป็นอาหารจระเข้กันมาแล้วค่ะ
ค่ารถแท็กซี่จาก บางนา ไป ฟาร์มจระเข้ เสียไป 130 บาท
เอาไว้เล่าอีกบทความก็แล้วกัน
ค่ารถจากฟาร์มเหมาแท็กซี่ไป 150 บาท
(แพงกว่าบางนามาบางปูซะอีก 555+)แต่เราต้องทำเวลาค่ะ เดี๋ยวฝนตก
มาถึงบางปู พร้อมสภาพคนโดนแดดเขมือบไปทั้งตัว
ไม่ใช่แค่ดำ แต่หิวน้ำ หิวข้าว สุด ๆ
ก็เลยพากันเดินเข้ามาทางฝั่งภัตราคารด้านในค่ะ
ก็ออกมามองทะเล นิด ๆ ถ่ายภาพหน่อย ๆ
แต่บังเอิญกดถ่ายบ่อย ภาพมันเลยเยอะ
พกนายแบบส่วนตัวมาด้วย
มันก็ต้องถ่ายภาพเขาสิ ว่ามั้ย ?ไม่ถ่ายไว้ จะเสียดายมุม
เพราะเดี๋ยวฝนมันจะมา
ฟ้าก็ไม่เปิด นกนางนวลก็น้อยหน่อยวันนี้
ได้เวลาทานข้าวกันแล้ว
ทานสองคน สั่งอาหารมายังกับมา 4 - 5 คนเลยราคาก็พอได้นะ แต่แพงกว่าร้านอาหารทั่วไปสักหน่อย
ราคาอาหารภัตราคาร มันก็จะงี้แหละมั้ง
ยิ่งเป็นอาหารทะเลก็จะแพงหน่อย
จำไม่ได้ว่าสั่งอะไรมาทานบ้าง
รสชารติก็อร่อย พอได้อยู่ค่ะ
บางอันก็เผ็ดไปนิด
กินไป ก็มองวิวทะเลไป
เลือกมุมดี ๆ ลมพัดเย็ด ๆ
อิ่มแล้วก็ออกมาเดินป่าชายเลนค่ะ
จะมีสะพานปูน และวิวกังหันลม อยู่ด้านนอกสะพาน
แต่เป็นสะพานสั้น ๆ จำไม่ได้ละบริษัทอะไรมาสร้างไว้
แล้วก็พากันไปเดินป่าชายเลยกันค่ะ
ช่วงเย็นยุงเยอะมาก
บริจาคเลือดไปหลายลิตรเลย
ใครจะมาถ้าอ่านบทความนี้
อย่าลืมทายากันยุงด้วยนะคะ
เป็นสะพานไม้มันคงจะดูคลาสสิกกว่านี้
แต่เป็นสะพานปูนก็ดีนะ แข็งแรงหน่อย
มุมถ่ายภาพหาไม่ยากค่ะ
ยืนตรงไหน ก็ถ่ายตรงนั้นเลย
เดินไปมองปลาตีน ไป โอ้ยย โรแมนติก
เขียว ๆ งี้อ่ะ ป่าชายเลย
แต่ที่ยืนอยู่ป่ะ ป่าชายเรา เอ๊ะ
มุกอะไร 555+
เดินไปเรื่อย ๆ ชมนก ชมไม้ ให้อาหารยุง
โบกมือทักทายปลาตีนไปเรื่อย ๆ ค่ะ
ระยะทางมันอาจสั้น
แต่ยุงมันก็อิ่มนะ
เอ้ย! ไม่ใช่
แต่มันก็สวยดีนะ
ขอสักภาพนะ
โดนสาว ๆ ข้างหลักแย่งซีนไปเรียบร้อย
คนเข้ามาเดินเล่นที่สะพานป่าชายเลนก็เยอะเหมือนกันค่ะ
เวลาหามุมถ่ายภาพ ก็หลบ ๆ เลี่ยง ๆ คนเอาเอง
คนเดินมา ก็รอเขาเดินไปก่อน
เดินมาสุดสะพาน มันก็จะเป็นจุดชมวิว
พระอาทิตย์ตกดิน
แต่ . . .
.
ฟ้าไม่เข้าข้างเรา
เมฆฝนกำลังมา
.
พระอาทิตย์กำลังหายไป
.
เห็นแสงตะวัน ลิบหรี่อยู่หลังก้อนเมฆ
อวสานความโรแมนติก
555+
แม้ ตรงจุดนี้ดวงอาทิตย์จะไม่โผล่มา
เราก็ยังไม่ท้อค่ะ
กลับขึ้นไปที่สะพานใหม่อีกรอบ
.
วันนี้นกนางนวลก็ไม่ค่อยมี
คนไม่เยอะเท่าไหร่
เป็นครั้งแรกที่มาที่บางปู แล้วไม่เจอฝูงนกเยอะ ๆ
มุมนี้ต้องนั่งลง
แล้วส่องลอดไปตรงช่องของสะพานค่ะ
นั่งแบบนี้ไง
ก็ถ่ายภาพกันสักหน่อย
แต่สุดท้ายดวงอาทิตย์ก็ได้แต่หลับอยู่หลังเมฆ
ไม่รู้มันกลัวอะไร
รูปคู่ก็อย่าให้ขาด
เดี่ยวเขาจะหาว่ามาคนเดียว
หันกลับไปเรียกดวงอาทิตย์อีกสักพัก
แต่ดวงอาทิตย์ไม่ฟังเราเลย
อำลาอาทิตย์ แล้วมาชมฝูงนางนวลน้อย ๆ ก็ได้
ลมเริ่มแรงเข้า ๆ และ แรงเข้า
แสงอาทิตย์เริ่มหายไป เรื่อย ๆ
ฟ้าเริ่มมืด
มวลเมฆเริ่มลอยมา
ลมแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้คนเริ่มทยอยกลับ
ฝูงนกยังคงกาปีกเล่นกับลม
เสียงนกเจื้อยแจ้ว เสียงคนเริ่มคะนอง
เสียงลมเริ่มกรรโชก แรงขึ้นเรื่อย ๆ
เราเองก็เริ่มรู้สึก
ถึงบางอย่างกำลังจะมา
พายุฝน เร่งฝีเท้ารีบเดินลมสะพาน
หวังจะออกไปถึงปากทางก่อนฝนลงเม็ด
ฝูงนางนวลเริ่มหายไป
พวกมันคงกำลังเตรียมรับมือกับพายุแน่นอน
เมฆเริ่มยึดท้องฟ้า
จากสีฟ้า กลายเป็นสีเทา
จากเทาก็เริ่มดำ
แล้วเราก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ๆ ๆ
แข่งกับความแรงของลม
รู้สึกถึงความเย็นจากเม็ดฝนล็อตแรก
มันหล่นมาแล้ว
เฮ้ย! วิ่งสิ รออะไร
ไม่ใช่แค่เราวิ่ง
คนอื่น ๆ ก็เริ่มวิ่ง
แต่เขาเอารถมาเอง
ซึ่งเราต้องวิ่งไปปากทาง
เพื่อรอแท็กซี่
สนุกสนานกันใหญ่
กับการฝ่าสายฝนเย็น ๆ กัน 2 คน
หายใจหอบแฮ็ก ๆ เมื่ออกมาถึงป้ายรถเมล์
เจอผู้ร่วมชะตากรรมอยู่ 4 - 5 คน
เรามาฟังเสียงฝนใต้ป้ายรถเมล์บางปูด้วยกันนะ
- - สวัสดีวันฝนพรำ - -
ขอบคุณที่แชร์ภาพการท่องเที่ยวบางปู บางปูเป็นที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศเย็นดีครับ
ตอบลบขอบคุณที่แวะเข้ามาชมภาพนะค้า
ลบ